เทศน์เช้า

เทศน์เช้า

๖ มี.ค. ๒๕๕๓

 

เทศน์เช้า วันที่ ๖ มีนาคม ๒๕๕๓
พระอาจารย์สงบ มนสฺสนฺโต
ณ วัดป่าสันติพุทธาราม (วัดป่าเขาแดงใหญ่) ต.หนองกวาง อ.โพธาราม จ.ราชบุรี


ฟังธรรมเนาะ ธรรมะคือความเตือนใจ ธรรมะสกิดใจให้เราแบบว่าตื่นตัวไง ไม่ให้ชีวิตเรานอนจมนะ ชีวิตเราเนี่ยนอนจม ผลัดวันประกันพรุ่ง ชีวิตนี้มีการพลัดพรากเป็นที่สุด แต่เราจะมีสมบัติสิ่งใดติดตัวเราไปนะ น้ำร้อนปลาเป็นน้ำเย็นปลาตาย ดูสิ ดูความเปลี่ยนแปลงของโลกเห็นไหม ดูสิแผ่นดินไหว ไหวไปรอบโลกเลย แล้วมีคนเสียชีวิต มีคนต่างๆ เห็นไหม ทำไมเขาต้องมาเป็นอย่างนั้นล่ะ

ดูนะดูอย่างเช่นดินถล่ม มันถล่มรีสอร์ทสุดหรูเลยเขาไปพักผ่อนกัน เขาไปพักผ่อนกัน เราจะบอกเกิดในประเทศอันสมควรนะ ถ้าเขาอยู่ในพื้นที่นั้นเวลาเกิดเหตุการณ์อย่างนั้นเห็นไหม เขาไม่รู้ตัวของเขานะ เขาไม่รู้ตัวของเขานี่คือกรรม กรรมของเขานี่เหมือนกัน แต่คนที่เขาไปพักผ่อนเขามาจากต่างถิ่นนะ เขามาจากต่างถิ่นแต่เขามาเสียชีวิตที่นั่น การเสียชีวิตที่นั่นเห็นไหม เนี่ย เกิดในประเทศอันสมควร ในประเทศสมควรเห็นไหม

เรื่องภัยพิบัติมันจะมีน้อย แต่มันมีของมันนะเรื่องภัยพิบัติจากข้างนอก แต่เรื่องภัยพิบัติเห็นไหม ภัยพิบัติของโลก อย่างภัยแล้ง ภัยแล้งเนี่ยสิ่งต่างๆ ทั้งระบบเศรษฐกิจ ถ้าภัยแล้ง พืชพันธุ์ธัญญาหารมันมีน้อย ราคามันต้องดีสิ ทำไมราคาเนี่ยเห็นไหมราคาสูง แต่เกษตรกรไม่ได้ผลประโยชน์จากราคานั้น และเพราะอะไรล่ะ เพราะโลกธุรกิจ โลกธุรกิจก็เป็นอีกโลกหนึ่งซ้อนเข้ามาในโลกของมนุษย์เหล่านี้ โลกมนุษย์เกิดมาโดยโลก เราก็เป็นโลกๆ หนึ่งอยู่แล้ว โลกธุรกิจเขาก็หาผลประโยชน์ของเขาอีกชั้นหนึ่ง เห็นไหม

นี่เหมือนกันในเรื่องหนึ่งเราเกิดมาเห็นไหม เรามีร่างกายของเราอยู่แล้ว เรามีความรู้สึกของเราอยู่แล้ว เรามีความคิดของเราอยู่แล้ว กิเลสตัณหาความทะยานอยากมันยังซ้อนเข้ามาอีกชั้นหนึ่ง เห็นไหม สิ่งที่ซ้อนเข้ามาในหัวใจของเรา สิ่งที่ซ้อนมาเห็นไหมทุกคนปรารถนาดี ทุกคนต้องการความดีทั้งนั้นน่ะ ทุกคนอยากได้ อยากได้คุณงามความดี ทุกคนเกลียดความทุกข์ ทุกคนไม่ค่อยอยากฟังความทุกข์ ทุกคนอยากฟังความสุข แต่มันเป็นความสุขจริงไหมล่ะ ถ้ามันเป็นความสุขจริงเห็นไหม ความสุขจริงของเราคือ สุขโดยตัวของเราเอง

เวลาเรามีความสุขใจเรามีความพอใจ เราจะไม่พึ่งสิ่งต่างๆ เลย แต่สิ่งนี้มันจะทรงตัวอยู่ได้ด้วยธรรมขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ด้วยการประพฤติปฏิบัติด้วยการฝึกฝนนะ ทุกคนน่ะรู้ว่าคุณงามความดีเป็นอย่างไร แต่ฝืนใจตัวเองไม่ได้ เนี่ย สิ่งนี้ไม่ดี สิ่งนี้ไม่ดี แต่ฝืนใจตัวเองไม่ไหว ตัวเองก็ทำสิ่งนั้นไปเพราะอะไร เพราะจิตใจมันอ่อนแอเห็นไหม ถ้าจิตใจมันอ่อนแอ อ่อนแอเพราะเหตุใด อ่อนแอเพราะเราไม่ฝึกฝน เราก็ศึกษาธรรมพระพุทธเจ้าทั้งนั้นแหละ ทุกคนเข้าใจนะธรรมะ ธรรมะเป็นธรรมชาติ

ธรรมชาติก็ลมพัดลมเพไง ลมก็พัดอยู่ตามธรรมชาติของมัน เราไม่ได้อะไรจากลมนี้เลยเห็นไหม คนที่เขามีปัญญา แรงกระแสลมเขาไปปั่นไฟฟ้ากันนะ เขาทำประโยชน์ขึ้นมาจากแรงกระแสลมนั้นเห็นไหม เพราะกระแสลมมาเพื่อประโยชน์ เนี่ย ถ้าเป็นธรรมชาติ ธรรมชาติเราก็เป็นธรรมชาติอยู่แล้ว เราก็ไหลไปตามกับมันเห็นไหม แล้วกิเลสมันก็อ้างไง เนี่ยที่มันซ้อนมากิเลสมันก็อ้างว่าธรรมะเป็นธรรมชาติ เราก็รู้ว่าธรรมชาติอยู่แล้ว ธรรมชาติ ใช่ วัฎวนมันเป็นธรรมชาติ วิวัฏฏะ เนี่ยออกพ้นออกไปจากธรรมชาติ มันวิวัฏฏะ จะไม่วนไปกับมันไปอีกแล้ว

สิ่งที่เกิดมามันทุกข์มันยาก เนี่ย แล้วมันเป็นไปได้ไหมที่เราไม่วนไปกับมันน่ะเราจะฝืนมันยังไง ถ้าเราจะฝืนยังไง เราต้องฝืนตัวเราเองนี่ก่อน ฝืนหัวใจเรานี่ก่อน ฝืนความต้องการทะยานอยากของมันนี่ก่อน ให้มันสงบ สงบของมันให้ได้ ถ้าสงบของมันได้นะ มันมีหลักมีเกณฑ์ของมัน ถ้ามีหลักมีเกณฑ์ของมันนะ เห็นไหม ไม่มีองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่มีครูบาอาจารย์เห็นไหม นี่มีหลักมีเกณฑ์ของมัน มันก็ไปไหนไม่รอด ถ้าไปไหนไม่รอด แต่ถ้ามันจะไปไหนรอดเห็นไหม เราเองต้องฝึกฝนเรา ถ้าฝึกฝนไปแล้วเห็นไหม ลองผิดลองถูกมันต้องผิดไปทั้งนั้นน่ะ คนที่ปฏิบัติแล้วถูกยังไม่มีหรอก ผิดทั้งนั้น องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ๖ ปี ผิดมาทั้งนั้น

ครูบาอาจารย์หลวงปู่มั่นท่านกระเสือกกระสนของท่านมาเนี่ย มีอะไรมาถูกต้องมาก่อน มันก็ผิดมาทั้งนั้นน่ะ เนี่ย พิจารณากาย พิจารณากาย พิจารณาไปแล้วออกมามันก็ปกติ ไม่เป็นสิ่งใดเลย เห็นไหม จนท่านต้องมาลาพุทธภูมิของท่านเห็นไหม เพราะลาพุทธภูมิของท่านย้อนกลับทวนกระแสเข้าไป อืม อย่างนี้ถูกต้องเห็นไหม ทั้งๆ ที่ยังไม่ชำระกิเลสแม้แต่ตัวเดียวเลย ทำไมอย่างนี้ถูกต้องล่ะ มันแตกต่างเห็นไหม มันแตกต่างโดยพิจารณากายของเรา โดยสามัญสำนึกของเราเนี่ย เราก็ดูแลของเรา เราก็พิจารณาของเราไปอย่างนี้ แล้วมันได้อะไรขึ้นมาล่ะ ออกมาก็ปกติ มันไม่เห็นมีอะไรเจือจางไปเลย ออกมาอารมณ์ความรู้สึกมันก็ยังยึดมั่นเหมือนเดิม

เนี่ย เวลาลาพุทธภูมิแล้วเห็นไหม เวลาพิจารณากายไปแล้ว เห็นไหมออกมา อืม มันอยู่นู่น เราอยู่นี่ เห็นไหมเราพิจารณาแล้วมันแยกออกไปจากเราเห็นไหม ความโกรธ ความโลภ ความหลง เห็นไหมเราพักมันได้เห็นไหม มันวางมันได้เห็นไหม จิตใจเราอยู่ที่นี่ ความกระเทือนใจมันอยู่ที่นู่น เนี่ยมันแตกต่าง ถ้าเราทำมันสามัญสำนึกเรามันก็จะ อืม มันก็ไม่ดี ทุกสิ่งก็ไม่ดี คำว่าสิ่งใดดีสิ่งใดไม่ดีเด็กๆ มันก็รู้นะ คนเราเนี่ยเวลาฝืนความรู้สึกของเราทุกคนก็รู้สิ่งใดไม่ดีทั้งนั้นน่ะ แต่ทำไมทนไม่ไหวละ ทำไมมันลืมตัวไปจับไปต้อง ไปทำให้เราได้เสียใจมาล่ะ นี่ไงเพราะเราไม่ได้ฝึกฝน

การที่ฝึกฝนคืออะไร การฝึกฝนคือการตั้งสติ ปริยัติ ปฏิบัติ ปริยัติคือการศึกษา ศึกษาทฤษฎีทุกคนรู้หมด ความดีความชั่วรู้กันหมด เนี่ย ยิ่งผู้รักษากฎหมายด้วยนะ กฎหมายนี้เป็นประโยชน์กับเขาเลย พวกเรานี่อยู่ในใต้กฎหมาย กฎหมายเพื่อความร่มเย็นของสังคม สิ่งใดที่ผิดกฎหมาย เราก็ไม่ทำทั้งนั้น แต่ผู้รักษากฎหมาย กฎหมายนี้เป็นประโยชน์กับมันนะ นี่ก็เหมือนกันศึกษาธรรมะพระพุทธเจ้ารู้ไปหมดล่ะ รู้ไปรู้มากิเลสมันนำมาอ้างหมดเลยนะ เราก็รู้อย่างนั้น เราก็รู้อย่างนี้ เรารู้ไปหมดเลย เนี่ย แต่ถ้ามันเป็นความจริง เป็นความจริงกฎหมายบังคับไว้เพื่อสิ่งใด

กฎหมายออกโดยชนกลุ่มใดเพื่อประโยชน์กับสิ่งใด เราเข้ามาในชนกลุ่มนั้น เราเข้ามาในสภาวะแวดล้อมสิ่งนั้น เราต้องรับกฎหมายนั้น เราเกิดมาในโลกมนุษย์ มนุษย์ก็มีสภาวะแบบนี้ เห็นไหมโลกมนุษย์ โลกมนุษย์เป็นสัตว์สังคม สังคมเขามีความเป็นอยู่กันอย่างไร เราก็ต้องยอมรับกติกาของสังคมนั้น กติกาสังคมนั้นเพื่อความเป็นอยู่ การดำรงชีพเป็นประเพณีวัฒนธรรม

แต่ความสุขความทุกข์ในหัวใจเราอีกเรื่องหนึ่งเลย ความสุขของเราถ้าเราพอใจไหม เราได้ประโยชน์วัฒนธรรมประเพณีนั้น เราก็ว่าสิ่งนั้นถูกต้อง เราเสียประโยชน์ประเพณีวัฒนธรรมเราก็ว่าสิ่งนี้ไม่ดีงาม เนี่ย แล้วหัวใจเห็นไหม ถ้าเสียประโยชน์ ใครว่าใครเป็นคนเสียล่ะ ประโยชน์สังคมวัฒนธรรมประเพณีของเขาเป็นอยู่อย่างนั้น เนี่ย ความเห็น เป็นความเชื่อของเขาแล้วเราเข้าใจสิ่งใด เราเข้าใจได้ลึกซึ้งมากน้อยแค่ไหน ถ้าเราเข้าใจได้ซึ้งกว่านั้น เห็นไหม นี่ไงประเพณีวัฒนธรรมไม่ใช่ธรรม มันห่อหุ้มธรรมไว้ ห่อหุ้มสัจจะความจริงไว้

แล้วสัจจะความจริงนั้นใครเป็นคนศึกษามัน ใครเป็นคนดูแลมัน ใครเป็นคนพัฒนามันขึ้นมา เนี่ย จิตใจเราจะพัฒนาของเราขึ้นมา ถ้าเราศึกษาของเราขึ้นมา เราประพฤติปฏิบัติขึ้นมา เห็นไหม ปริยัติปฏิบัติการปฏิบัติมันมีลองผิดลองถูกไหม เนี่ย ทดสอบตรวจสอบแล้ววัดผลจากเราขึ้นมา วัดผลๆ ขึ้นมา เนี่ย ผู้ใดปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม ความสมควรของมัน วัดผลเพราะมันสมควรสมดุลของมันเห็นไหม มัชฌิมา ปฏิปทา มัชฌิมาปฏิปทา มันปล่อยวางอย่างใด มันมีผลตอบสนองอย่างไร อันนี้เห็นไหมเป็นปัจจัตตัง เป็นสันทิฏฐิโก

อันนี้เป็นสัจจะความจริง อันนี้เป็นความจริงนะ วัฒนธรรมประเพณีเพื่อความร่มเย็น เพื่อสังคมเพื่อความสงบสุข เพื่อความดีงาม แต่ความดีงามอย่างนี้ ดีงามแบบธรรมชาติ ดีงามในวัฏฏะ ดีงามโดยการเปลี่ยนแปลง ดีงามโดยไม่มีที่สิ้นสุดมันจะสืบทอดกันตลอดไป จบสิ้นขบวนการของมันไม่ได้ แต่ธรรมะเนี่ย ความดีงามอย่างนี้มันจบสิ้นขบวนการเห็นไหม ประเพณีวัฒนธรรม ปีนี้ก็ทำ ปีหน้าก็ทำ ปีต่อไปก็ทำ วัฒนธรรมประเพณีไง มันก็มีปีแล้วปีเล่า ปีแล้วปีเล่ามันก็วนไปไง นี่ไงวัฒนธรรมไง ธรรมชาติไง สัจธรรมไง แล้วมันก็วนไปวนมาไง นี่ไงธรรมชาติของมันไง แต่ถ้าเหนือธรรมชาติละ วิวัฏฏะ

วิวัฏฏะธรรมชาติเป็นอย่างงั้น มีแรงส่งมีแรงขับอยู่อย่างนั้น แต่ถ้าเราศึกษาธรรมะจากธรรมชาตินั้นล่ะ จากสิ่งที่เป็นวัฏฏะนั้นแหละ เพราะเราเกิดมาเป็นผลของวัฏฏะเห็นไหม มนุษย์การเกิดเป็นผลของวัฏฏะ ผลของเวรของกรรม ผลของกรรมบุญกุศลที่มันสร้างมา สิ่งที่สร้างมามันเป็นวัฏฏะ มันเป็นธรรมชาติอยู่แล้ว เราจะวิวัฏฏะ เราจะแหกออกไปจากวัฏฏะ ถ้าออกไปจากวัฏฏะเห็นไหม แหกออกไปที่ไหนนี่ไง โลกนี้มีเพราะมีเราทำมาทั้งชีวิตเลย แล้วมันพ้นไปไหม เนี่ย ถ้าออกจากวัฏฏะ จะเอาอะไรออกจากวัฏฏะล่ะ

จะเอามนุษย์ไปดาวอังคารใช่ไหม จะออกจากจักรวาลนี้ไปเหรอ มันจะไปจักรวาลไหนล่ะ มันพ้นไปได้ไหมล่ะ ไม่มีทาง มันจะพ้นจากวัฏฏะ มันจะต้องพ้นจากภวาสวะ จากภพ ภพคืออะไร คือ ปฏิสนธิวิญญาณ ปฏิสนธิวิญญาณ วิญญาณรับรู้ วิญญาณปฏิสนธิ วิญญาณตัวนั้น วิญญาณตัวนี้เห็นไหม วัฏฏะเนี่ย วัฏฏะเกิดจากที่นี่ วัฏฏะเห็นไหม โลกทัศน์โลกจากภายนอก โลกจากภายใน โลกคือหมู่สัตว์เห็นไหม สัตตะผู้ข้อง โลกเกิดจากเรา โลกนี้มีเพราะมีเรา แต่ไม่ได้ทำลายเรา ทำลายทิฐิมานะ ทำลายภพทำลายสิ่งที่มีอยู่ ทำลายๆๆๆ ด้วยมรรคญาณ ทำลายด้วยความสัจธรรม ทำด้วยความจริงของเราเห็นไหม เนี่ย ผลอย่างนี้ทำลายโลกที่นี่

โลกมันเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาดูสิ ดูแผ่นดินไหว ดูภัยแล้ง ดูต่างๆ มันเคลื่อนที่ตลอดเวลา โลกเคลื่อนที่ตลอด โลกเปลี่ยนแปลงตลอดเวลานะ แต่เรามีผลประโยชน์จากมันบ้าง เราเห็นเป็นอนิจจังไหม เห็นเป็นอนัตตาไหม แล้วถ้าใจเปลี่ยนแปลงล่ะ สิ่งทุกข์สุขที่มันแปรสภาพล่ะ ความเป็นอนัตตา อนัตตาน่ะ สพฺเพ ธมฺมา อนตฺตา สภาพเดิมอนัตตา อนัตตามันอยู่ที่ไหนล่ะ อนัตตามันอยู่ในลิ้นชักใช่ไหม อนัตตาอยู่ในพระไตรปิฎกนู่นใช่ไหม แล้วเรารู้อะไรล่ะ เรารู้ทิฐิมานะไง เรารู้อนัตตา เราเห็นความเป็นจริงของมันเป็นจริง มันเป็นจริง จริงโดยกิเลส

กิเลสมันกลัวอ้างว่าจะไม่จริง กลัวเราจะไม่รู้ไง มันต้องมีความรู้ของมันขึ้นมา เห็นไหม ดูนะ เนี่ย น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย เราดูความเปลี่ยนแปลงของโลก แล้วดูความเปลี่ยนแปลงของชีวิต ดูความสิ้นไปของอายุขัย ดูความเปลี่ยนแปลงนะ น้ำร้อน น้ำร้อนทำให้ตื่นตัว น้ำเย็นปลาตาย มันมีความร่มเย็นเป็นสุข โอ๋ มีแต่ความสงบสุข มีแต่ความร่มเย็นนะ นอนจมไง นอนจมอยู่กับกิเลสนะ นอนจมอยู่กับตัวเรานะ แล้วเราจะไม่ตื่นตัวเราเห็นไหม น้ำร้อนปลาเป็น น้ำเย็นปลาตาย น้ำเย็นปลามันจะตาย อยู่ในวัฏฏะ ผลของวัฏฏะ เกิดจากผลของวัฏฏะแล้วก็จะเวียนไปอย่างนี้ อยู่ในวัฏฏะนอนใจเย็นใจวนไปกับวัฏฏะ เนี่ยน้ำร้อน เห็นไหมดูสิ

ดูพระเรานี่ โอ๋ ทำไมพระต้องประพฤติปฏิบัติ ทำไมต้องนั่งทรมานตน น้ำร้อน เนี่ย ตบะธรรมแผดเผามัน แผดเผาความหมักหมมของใจ แผดเผาให้มันรู้สึกตัวขึ้นมา น้ำร้อนปลาจะเป็น เนี่ย ทรมาน ทรมานกิเลส เวลาทรมานตนนั่งแค่นี้ทำไมทรมาน ทรมานใครทรมานกิเลสเพราะกิเลสมันอยู่กับเรา กิเลสอยู่กับเรา เราทำลายกิเลส เราไม่ทำลายเราล่ะ แล้วถ้ากิเลสมันสิ้นไปเห็นไหม เออ เห็นไหมเนี่ย น้ำร้อนเห็นไหม ตบะธรรมแผดเผามัน แล้วมันจะพ้นได้ ฉะนั้น หมั่นเพียรเราต้องขยันต้องหมั่นเพียร ต้องมีความวิริยะ มีอุตสาหะ เนี่ย ความวิริยะอุตสาหะของเราเห็นไหม

องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นศาสดาของเรา เป็นพระอรหันต์ท่านเดินจงกรมนะ เดินจงกรมนั่งสมาธิภาวนาตลอดเวลา เนี่ย ถ้าไม่เดินจงกรมเห็นไหม ดูสิ พุทธกิจ ๕ เช้าเนี่ยเล็งญาณ เอาอะไรเล็ง เล็งญาณ จะเอาใครก่อน เอาใครก่อนหมายถึงว่า เขามีอำนาจวาสนา เขามีโอกาสของเขาแต่อายุขัยเขาจะสิ้นไปอย่างเช่น องคุลิมาลต่างๆ เห็นไหม ถ้าไม่ไปเอาองคุลิมาลนะเสียโอกาสมากเลย เพราะกำลังจะฆ่าแม่ ถ้าฆ่าแม่ไปแล้วนะ จะไม่มีโอกาสได้เป็นพระอรหันต์เลย

เนี่ย ไปเอากลับมาได้เห็นไหม ไปเอาคนนู้น ไปเอาคนนี้ ต้องเล็งญาณ ความพร้อมเขามีพร้อมอยู่ด้วย แล้วเขามีอันตราย ชีวิตเขาสั้นเขาจะไม่มีโอกาส รีบไปเอาเขามาก่อน ดูความเมตตาขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าสิ เนี่ย เช้าเล็งญาณขึ้นมา เล็งด้วยอะไร เล็งด้วยหัวใจนะ รื้อสัตว์ขนสัตว์ เห็นไหม

รื้อสัตว์ขนสัตว์ปฏิสนธิจิต รื้อสัตว์ขนสัตว์คือรื้อความเห็น เอาความเห็นดัดแปลงความเห็น ดัดแปลงที่หัวใจ ดัดแปลงให้มันหายนะ ไม่ใช่ไปช้อนมาหรอก รื้อสัตว์ขนสัตว์ เอาเข้าโรงพยาบาลใช่ไหม มันก็ตายในโรงพยาบาลนั่นนะ เนี่ย ขนไปส่งโรงพยาบาล แล้วไอซียู แล้วก็เข้าห้องดับจิตไปเลย รื้อสัตว์ขนสัตว์อย่างนั้นเหรอ รื้อสัตว์ขนสัตว์พูดให้เขาเข้าใจ พูดให้เขาเปลี่ยนแปลง พูดให้เขาชำระกิเลส พูดให้จิตเขาพ้นออกไปจากกิเลส เอวัง